เรารู้อยู่แล้วล่ะว่า Hourglass จะต้องทำพาเล็ท 3 สีของ Ambient Lighting Blush แน่นอน และก็เป็นไปอย่างที่คิดจริง ๆ! แต่ว่าพาเล็ทนี้ไม่ใช่แค่การเอา 3 สีที่มีอยู่แล้วมารวมกันนะคะ สิ่งที่พิเศษออกมาคือมันมีสีใหม่และก็เป็นสีที่มีเฉพาะในพาเล็ทนี้เท่านั้นผสมมาด้วย! ซึ่งนั่นก็เลยทำให้พาเล็ทนี้น่าสนใจขึ้นไปอีก เรามีสี Mood Exposure เดี่ยว ๆ อยู่แล้วแต่พอรู้ว่าพาเล็ทมีสีใหม่นี้มาให้ด้วยเท่านั้นแหละ มันก็เลยหักห้ามใจไม่ไหวต้องไปจัดมา พอได้ลองใช้แล้วคิดว่ามันสมควรซื้อทั้งพาเล็ทเพื่อสีใหม่นี้มั้ย อยากรู้ว่าเราคิดอย่างไร ไปอ่านรีวิวเรากันดูค่ะ

Ambient Lighting Blush Palette นี้มีน้ำหนักและขนาดพาเล็ทเหมือนกันเลยกับ Ambient Lighting Powder Palette (รีวิว) แต่ว่าสีพาเล็ทจะเป็นสีทองซีด ๆ แทนที่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม metallic พาเล็ททำมาจากพลาสติกน้ำหนักเบา ถือก็ดูแข็งแรงกระชับมือดีอยู่ แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ต้องรักษาเขาให้ดีเล็กน้อย อย่าให้กระทบกระแทกเพราะว่าเนื้อบลัชข้างในมันค่อนข้างบอบบางค่ะ

ข้างในพาเล็ทมีกระจกยาวมาให้ และก็มีสีบลัช 3 สีแยกกันอยู่คนละหลุม ระหว่างหลุมมันไม่มีที่กั้นที่ชัดเจนมาให้ค่ะ ดังนั้นพอเริ่มเอาแปรงลงไปแตะปุ๊บ ผงบลัชมันก็จะลอยไปตกหลุมข้าง ๆ ด้วย พาเล็ทของ Ambient Lighting Powder ก็เป็นแบบนี้แต่อันนั้นเราไม่มายด์อะไรมาก เพราะว่าสีของแป้งแต่ละอันมันก็แยกกันไม่ค่อยจะออกอยู่แล้ว จะผสมกันบ้างก็คงมองไม่ออก แต่พอมาเป็นบลัชสี ๆ แบบนี้ เรารู้สึกว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ เพราะเราไม่ชอบให้สีบลัชเราผสมกัน ยิ่งบลัชของแบรนด์นี้แล้วด้วยนั้น รู้ ๆ กันอยู่ว่าแตะแปรงลงไปทีผงก็ปลิวกันว่อนเลย Hourglass น่าจะดีไซน์ที่กั้นให้ดีกว่านี้นิดนึงในความคิดเห็นเรา

เนื้อของ Ambient Lighting Blush นี้เป็นการผสมกันระหว่างแป้ง Ambient Lighting Powder (เพื่อให้ความโกลว์) กับเม็ดสีค่ะ หากอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านรีวิวสี Radiant Magenta กับ Mood Exposure ที่หน้านี้ หรือ Dim Infusion และ Diffused Heat ที่หน้านี้ บลัชพวกนี้ถึงแม้จะสีเดียวกันแต่ว่าแต่ละอันจะหน้าตาแตกต่างกันออกไปค่ะ เนื่องจากว่ามันจะมีส่วนผสมของปริมาณแป้งและเม็ดสีแตกต่างกันไป ถ้าของคุณมีเนื้อแป้งมากกว่าเม็ดสี ทาไปบนผิวก็อาจจะไม่ค่อยเห็นเป็นสีบลัชมากนัก อาจจะเห็นเป็นไฮไลท์มากกว่า แต่ถ้ามีเม็ดสีมากกว่าแป้งก็จะเห็นสีชัดเจนขึ้นเป็นบลัชจริง ๆ ค่ะ
นอกจากนี้เวลาทาลงไปบนผิวจริง ๆ แล้ว ถึงจะสีเดียวกันแต่ก็อาจจะออกเป็นสีต่างกันบนแต่ละคนด้วย Hourglass เขาอธิบายบลัชของเขาว่าเป็นการเพิ่มสีสันให้กับผิวรวมไปถึงให้ความโกลว์แบบ “an otherworldly glow” เลย ซึ่งเราก็โอเคเห็นด้วยอยู่ แต่ถ้าเป็นเราอธิบาย เราคงใช้คำสามัญกว่านั้น อาทิเช่น “soft luminosity” โกลว์เบา ๆ เป็นต้นมากกว่าค่ะ :)
Shade breakdown

L-R: Luminous Flush, Incandescent Electra, and Mood Exposure

Luminous Flush
Luminous Flush เป็นการรวมตัวกันของแป้ง Luminous Light Ambient Lighting Powder กับสี champagne rose สีนี้เป็นสีที่เข้มเป็นอันดับที่สองของพาเล็ทนี้และสีทาแล้วก็ค่อนข้างตรงกับที่เห็นในหลุม เราชอบที่สีนี้ทาแล้วทำให้หน้าตาดูสว่างสดใสขึ้น ดีใจที่ถูกรวมมาในพาเล็ทนี้ด้วย ส่วนเรื่องการให้ความโกลว์นั้นเราว่ามันอยู่ระหว่างของ Incandescent Electra กับ Mood Exposure ค่ะ คือโกลว์กำลังดีไม่มากเกิน ไม่น้อยเกิน แถมไม่ไปเน้นพวกรูขุมขนกว้างด้วย เนื้อบลัชอย่างที่บอกว่าร่วงเป็นฝุ่น ๆ ง่ายมากแต่ก็ยังไม่มากเท่า Mood Exposure เนื้อดี เกลี่ยง่าย ทาไปให้เนียนสวยและเกลี่ยขอบออกไปให้ฟุ้ง ๆ ได้ง่าย แถมสีก็ build ให้เข้มขึ้นได้ไม่ยาก สีนี้ทาติดทนประมาณ 6-7 ชม. ค่ะ จากนั้นก็จะมีจางลงเล็กน้อย
Incandescent Electra
Incandescent Electra เป็นการรวมตัวกันของแป้ง Incandescent Light Ambient Lighting Powder (เป็นสีที่มีเฉพาะใน Ambient Lighting Palette) กับสี cool peach สีนี้ถือว่าเป็นความผิดหวังอย่างแรกเนื่องมาจากว่าสัดส่วนของแป้งกับเม็ดสีมันไม่เท่ากัน อย่างที่เห็นในรูปข้างบน ของเรามันจะมีเนื้อแป้งถึงมากกว่า 70% และส่วนที่เป็นสีมีแค่ประมาณ 30% เอง ดังนั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเวลาทาแล้วมันแทบจะไม่เห็นเป็นสีเลยบนแก้มเรา ทาแล้วเหมือนกับทาไฮไลท์เตอร์เลยมากกว่า ซึ่งก็น่าเสียดายค่ะ เพราะว่าเราอุตส่าห์หวังไว้ว่าเราจะชอบสีนี้มากที่สุด แถมสี build ก็ไม่ค่อยขึ้นด้วย ยิ่งทาทับความโกลว์ก็จะยิ่งมากขึ้น ๆ แต่สีไม่เข้มขึ้นเลย พอถึงจุดนึงก็ต้องหยุด build เพราะไม่งั้นหน้าจะโกลว์เงาเกินไป นอกจากนี้ความโกลว์ของสีนี้ก็ไปเน้นพวกริ้วรอยบนผิวและรูขุมขนกว้างด้วย ดังนั้นต้องระวังเล็กน้อยก่อนทาสีนี้ว่าจะทาตรงไหน ส่วนเรื่องเนื้อมันก็เหมือนกับ Luminous Flush ค่ะที่สีร่วงป่นง่าย ความติดทนอยู่ที่ประมาณ 5-6 ชม. บนผิวเรา
Mood Exposure
Mood Exposure เป็นการรวมตัวกันของแป้ง Mood Light Ambient Lighting Powder กับสี soft plum สีนี้ทาแล้วเซอร์ไพรส์มากเพราะว่าสีที่เห็นบนแก้มมันเหมือนคนละสีกันเลยกับสีที่เห็นในหลุม บนแก้มเราสีจะกลายเป็น bronze-y rose เบา ๆ แทน ซึ่งมันก็สวยอยู่ แต่เราแค่ไม่ได้นึกว่าจะเป็นแบบนี้แค่นั้นเอง สีมันหม่น ๆ เล็กน้อยและไม่ทำให้หน้าตาดูสว่างขึ้นเหมือนกับสี Luminous Flush แต่ว่าก็ยังถือว่าเป็นสีที่ทาง่ายสวยงามอยู่ค่ะ เราว่าสีแบบนี้จะออกไปทางสีที่แบบใช้ทาได้ทุกวัน จะทาคู่ไปกับ makeup look แบบไหนก็ได้ ความโกลว์ของมันจะเบาที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 2 สีดังนั้นจึงเหมาะกับการทาบนผิวที่ไม่มีริ้วรอยหรือรูขุมขนเห็นชัดอะไรมากนัก เพราะมันจะไม่ไปเน้นพวกนั้น เนื้อสีนุ่ม เกลี่ยง่าย และทาให้ขอบฟุ้ง ๆ ง่าย เนื้อแป้งยังคงร่อนเยอะเหมือนเดิม ดังนั้นเอาแปรงลงไปแตะเบา ๆ ก็พอค่ะ ไม่ต้องหมุนอะไรรุนแรง ความติดทนจะพอ ๆ กันกับสี Luminous Flush ที่ 6-7 ชม.
Comparison

ผิวเราคือ NC30 ผิวอมเหลือง และก็อย่างที่เห็นบนรูปข้างบนนี้นะคะว่า ความแตกต่างระหว่าง 3 สีนี้นั้นมันไม่ได้เยอะอะไร แต่ก็ยังคงแตกต่างกันอยู่ สี Mood Exposure จะเข้มชัดดีที่สุด ตามมาด้วย Luminous Flush ส่วนสี Incandescent Electra นี่แทบจะไม่มีสีเลย ออกเป็นสีไฮไลท์ไปเลยมากกว่า ก็แล้วแต่ความเข้มของสีผิวคุณนะคะ รวมไปถึงสัดส่วนของเนื้อแป้งกับเม็ดสีในพาเล็ทของคุณ คุณอาจจะเห็นผลที่แตกต่างออกไป :)
Luminous Flush


Incandescent Electra


Mood Exposure


ถ้าเรารู้มาก่อนว่าสี Incandescent Electra มันจะอ่อนจนเป็นไฮไลท์เตอร์แบบนี้ เราคงจะลังเลเล็กน้อยเหมือนกันว่าจะซื้อพาเล็ทดีมั้ย เราว่าเราคงจะซื้อสี Luminous Flush เดี่ยว ๆ ไปเลยมากกว่า แต่ก็อีกแหละ เราเห็นคำว่าสีใหม่สีเฉพาะ สี “exclusive” color ไม่ได้เลย เห็นปุ๊บต้องอยากได้ปั๊บ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม และสุดท้ายก็คงจะต้องซื้อพาเล็ทอยู่ดี ^_^”
คำแนะนำเรา เราว่าให้ไปลอง swatch สีจริง ๆ กับตัวเองก่อนซื้อจะดีมากค่ะ จะได้รู้ว่าแต่ละสีทาบนผิวคุณแล้วออกมาเป็นยังไง ส่วนเรื่องราคานั้นเราว่าก็คุ้มอยู่นะคะ เพราะว่าได้ถึง 3 สีเลยในราคาน้อยกว่าซื้อสีเดี่ยว 2 สีอีกต่างหาก แถม 2 สีซ้ายขวาก็เป็นสีที่ขายดีที่สุดของบลัชรุ่นนี้ด้วย ตอนนี้พาเล็ทนี้เขาลิสท์ไว้ว่าเป็น limited edition ค่ะ แต่เราว่าอีกหน่อยก็คงจะกลายเป็น permanent มีขายตลอด ก็ดูตัวอย่างจาก Ambient Lighting Palette สิ :)
แล้วคุณมีบลัชของ Hourglass แบบนี้มั้ย? คุณคิดว่าคุณจะซื้อเป็นพาเล็ทเลยหรือซื้อเดี่ยว ๆ ดีกว่า?