ตะลึง! นี่คือคำที่เราเลือกใช้บรรยายสำหรับรองพื้นตัวนี้ค่ะ จริง ๆ แล้วอาการตะลึงนี่คืออาการแรกเลยที่เรารู้สึกหลังจากได้ลองใช้รองพื้นตัวนี้ครั้งแรก หากใครที่เป็นเซียนรองพื้นแบบ full coverage แต่ยังไม่เคยลองรองพื้นตัวนี้ เราบอกได้เลยว่างั้นคุณก็ยังไม่รู้จัก full coverage ที่แท้จริงค่ะ! เอาล่ะ เรามีหลายเรื่องที่อยากจะพูดเกี่ยวกับตัวนี้ ไปเริ่มกันเลยดีกว่า!

Marc Jacobs Re(marc)able Full Cover Foundation Concentrate นี้เป็นรองพื้นที่ไม่เหมือนรองพื้นตัวไหนที่เราเคยลองมาก่อนเลย ขนาด applicator มันยังหน้าตาไม่เหมือนใคร ตัวนี้มาในขวดแก้วเนื้อฟรอสท์ หนาและหนักพอสมควร มีฝา 2 ชั้น ชั้นนอกสีดำ ชั้นในสีเงิน หลังจากหมุนเปิดฝาชั้นในออกมาแล้วจะพบก้าน applicator ติดอยู่กับฝา และตรงปลายก้านจะเห็นเป็นลูกกลม ๆ เล็ก ๆ ที่มีรองพื้นติดอยู่ เวลาใช้ก็คือแตะลูกกลม ๆ นี้ลงไปเป็นจุด ๆ บนผิว จากนั้นจึงเริ่มเกลี่ย มันก็ดูเป็น applicator ที่แปลกนะ แต่มันก็เข้าท่า แล้วมันเป็นอะไรที่เหมาะมากกับรองพื้นตัวนี้ เพราะว่าแค่ 2-3 จุดเล็ก ๆ ก็เพียงพอแล้วเพื่อให้ได้ระดับการปกปิดแบบ full coverage ทั่วหน้า แถมคุณยังสามารถควบคุมปริมาณการใช้ได้ง่ายด้วยหากต้องการปริมาณน้อยลงหรือเพิ่มขึ้น ก่อนใช้ต้องอย่าลืมเขย่าขวดให้เนื้อมันเข้ากันก่อนด้วยนะคะ เราเคยลืมเขย่าครั้งนึง ทาแล้วผลออกมาไม่เนียนเลย หากจะต้องพูดถึงข้อด้อยของตัว packaging เราคงต้องบอกว่าฝาด้านในมัน leak แล้วรองพื้นไหลออกมาเปรอะง่ายมากค่ะ หากครั้งไหนไม่ระวังเวลาเปิดปิดเนื้อรองพื้นมันจะไหลออกมากองกันอยู่รอบปากขวดทำให้ดูไม่สะอาดได้


นอกจาก applicator ที่หน้าตาไม่เหมือนใครแล้ว คุณจะประทับใจกับเนื้อรองพื้นด้วยนะ เพราะเนื้อมันค่อนข้างบางและเหลวพอสมควร แต่ว่าเม็ดสี pigment แน่นมาก ๆ! ตอนแรกที่เราลองใช้ เห็นเนื้อมันเหลว ๆ ก็นึกว่าระดับการปกปิดจะอยู่ขั้น sheer to medium ประมาณนั้น เลยลงซะ 3 หยดใหญ่ ๆ บนแก้มข้างขวาข้างเดียว ผลออกมา คือเกลี่ยเยิ้มเลยค่ะ เพราะใช้เยอะไป คำแนะนำของเราคือให้เริ่มแค่จุดเดียวต่อ 1 ส่วนของใบหน้าก่อนค่ะ แล้วค่อย ๆ บัฟให้กลืนกับผิว อาจจะใช้พวก buffing brush หรือฟองน้ำ Beautyblender ก็ได้ (ส่วนตัวเราชอบใช้ Beautyblender) แล้วก็ลงทีละส่วนบนหน้าไป อย่าลงทีเดียวพร้อมกันหมดเพราะอาจจะเกลี่ยไม่ทันเนื่องจากเนื้อมันแห้งค่อนข้างเร็ว คุณจะประทับใจแน่นอนเพราะว่าใช้แตะแค่จุดเดียวบนหน้าแต่ก็มากพอที่จะปกปิดทุกสิ่งอย่างได้เกือบหมด จุดด่างดำ รอยสิว รวมถึงรูขุมขนรอบจมูกของเราเนี่ยะ มันสามารถปิดได้เนียนกริบมาก ขนาดลงแค่ชั้นเดียว เราไม่แนะนำให้ลงหนาหรือลงหลายชั้นนะคะ เพราะว่ามันจะดูหนักและเค้กได้ รวมถึงมันจะลอกเป็นขลุยและอาจจะไปเกาะตามบริเวณผิวที่แห้งได้ง่าย และอีกอย่างคือหากลงเยอะเกินความจำเป็นมันจะทำให้หน้ามันเร็วขึ้นมาก (เราเคยมาแล้ว!)




ส่วนเรื่องผิวสัมผัสหรือ finish เราว่ามันไปทาง velvet matte นะ คือแม็ทแบบกำมะหยี่ และเนื่องจากว่ามันสามารถปกปิดได้สูงมาก หลังทาหน้าเลยอาจจะดูแฟล็ทแบนไร้มิติประมาณนึง ก็ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนเล็ก ๆ แลกกับระดับการปกปิดที่ดีเยี่ยมของมัน แต่ว่าปัญหานี้ก็แก้ไขได้ง่าย ๆ โดยการตามด้วยเครื่องสำอางที่มีสีสันเพื่อเพิ่มมิติและความมีชีวิตชีวาคืนให้กับใบหน้า เรื่องการติดทนถือว่าดีเยี่ยมค่ะ ทนดีทั้งวัน และที่น่าประทับใจก็คือ ระหว่างวันเราสังเกตว่าผิวเราดูดีขึ้นและเป็นธรรมชาติมากขึ้นกว่าตอนทาใหม่ ๆ คือทาตอนแรกหน้าจะไร้มิติและแบนมาก แต่พอผ่าน ๆ ไป หน้าเริ่มสร้างน้ำมันออกมา บวกกับความอุ่นของผิวมาผสมกับเนื้อรองพื้น มันก็เลยทำให้ผิวดูดีและโกลว์เป็นธรรมชาติขึ้น สรุปคือทาใหม่ ๆ เราจะไม่ชอบ finish มันเท่าไหร่แต่พอผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเราชอบ finish มากค่ะ หากใครรอเป็นชั่วโมงไม่ไหว ก็อาจจะผสมพวก illuminizing primer ลงไปกับรองพื้นก่อนเลยแล้วค่อยทาก็ได้ เพื่อผลลัพธ์จะได้เป็นงานผิวที่มีมิติและความเป็นธรรมชาติมากขึ้น สเต็ปสุดท้ายเราจะเซ็ทด้วยแป้งฝุ่นตลอดค่ะ เพื่อป้องกันเนื้อรองพื้นไม่ให้ transfer
รูปข้างล่างนี้เราทาเบอร์ 27 Bisque Neutral ค่ะ ซึ่งสีจะอ่อนกว่าสีผิวเรานิดหน่อย เห็นได้ชัดเลยว่าด้าน After นั้นผิวเราดูเนียนขึ้นและสีผิวสม่ำเสมอกันขึ้น นี่ลงแค่ชั้นเดียวด้วยนะคะ รอยสิว รอยแดง รูขุมขน กลบได้ดีงามมากจริง ๆ

เราไม่ทราบนะว่ามันจะติดทนถึง 24 ชั่วโมงอย่างที่โฆษณามารึเปล่า แต่เราเคยทาจากเช้าตรู่จนถึงเที่ยงคืนมาแล้วก็พบว่ามันติดทนดีเยี่ยมมาก ช่วง T-zone ที่ผิวเรามันง่ายจะเริ่มสูญเสียการปกปิดที่ประมาณ 6-7 ชั่วโมง แต่ว่าที่เหลือบริเวณอื่นบนหน้าก็ยังผิวเนียนดีเหมือนเดิม นอกจากนี้เราก็ไม่พบว่ารองพื้นจะเปลี่ยนสีเข้มขึ้นระหว่างวันแต่อย่างใดด้วย
ข้อดีเพิ่มเติมคือไร้กลิ่นและมีส่วนผสมที่แบรนด์เรียกว่า “patented golden mica” เพื่อปรับให้ผิวดูโกลว์อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ประสบการณ์การใช้ของเราเราว่าไม่มีนะคะ ความโกลว์กับตัวนี้เนี่ยะ นอกจากนี้ปริมาณเม็ดสีที่ผสมมาก็สูงเป็นสองเท่าของปริมาณเม็ดสีที่อยู่ในรองพื้นตัวดัง ๆ ของแบรนด์อื่นด้วย ดังนั้นก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณไม่ต้องใช้ตัวนี้เยอะเท่าแต่ก็ยังคงได้ระดับการปกปิดที่ใกล้เคียงกัน เม็ดสีที่เข้มข้นนี้เขาห่อมันไว้ใน “lecithin” เพื่อช่วยให้คุณสามารถเกลี่ยมันได้ง่ายขึ้นและดูเป็นงานผิวขึ้น แต่หากใครพบว่ามันยังเกลี่ยยากอยู่ดี ก็ลองผสมกับพวกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ดูด้วยก็ได้นะคะ จะได้ช่วยให้ทาได้ง่ายและลื่นขึ้น
พูดกันตรง ๆ เราว่ารองพื้นตัวนี้มันไม่ใช่แบบใช้ง่าย ทาเร็ว ๆ แล้วเสร็จออกจากบ้านได้ แต่มันเป็นรองพื้นที่คุณต้องมีเวลาทาเพื่อเกลี่ยให้เนื้อมันกลืนกับผิว ปกติเราจะเลือกใช้ตัวนี้เวลาที่เราต้องการแต่งหน้าจัดเต็มและต้องการให้เครื่องสำอางติดทนนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เราจะใช้ตัวนี้เป็น spot concealer บ่อยมากกว่าค่ะ เพราะระดับการปกปิดสูง กลบพวกรอยหรือจุดต่าง ๆ ได้ดีมาก
Marc Jacobs Re(marc)able Full Cover Foundation Concentrate เป็นรองพื้นที่ให้ระดับการปกปิดที่สูงมากไม่เหมือนใคร เหมาะที่จะมีไว้ใช้สำหรับคนที่รักการทารองพื้นค่ะ ความเข้มข้นของเนื้อและปริมาณเม็ดสีที่สูงสามารถปกปิดและกลบ skin imperfections ได้ดีเยี่ยมโดยใช้ปริมาณผลิตภัณฑ์เพียงแต่น้อย ทำให้ไม่ต้องลงเยอะหรือหนาซึ่งจะทำให้หนักหน้าและดูกลายเป็นเหมือนใส่หน้ากากไป สีมีให้เลือกทั้งหมด 22 เฉดค่ะ เริ่มจากสีอ่อนมากถึงเข้มมาก และแบ่งเป็น undertone สีเหลือง สี neutral และสีชมพูด้วย คุณน่าจะเจอเฉดสีที่เข้ากับผิวคุณได้สบาย ๆ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่เราแนะนำให้กับคุณผู้อ่านทุกคนค่ะ :)
Purchase
US$55 at Sephora ○ Marc Jacobs
฿2,300 at Sephora Thailand
Disclosure: The product mentioned was provided free of charge for review consideration. All opinions expressed herein are honest and my own.